First Impression : RAGE 2 เกมแอ็คชั่นที่รวบรวมเอาจุดเด่นของหลายเกมมายัดไว้ในเกมเดียว

Playulti 14 May 2019, 11:17:28
ข่าวเกม PC

ณ ตอนนี้ RAGE 2 ก็ได้เปิดให้เล่นกันอย่างเป็นทางการแล้วเมื่่อคืนที่ผ่านมา ก่อนอื่นเลยคือไม่คาดคิดว่าเกมที่มีอายุอานามกว่า 8 ปีจะกลับมามีภาคต่อ และยังฉีกโลกและเนื้อหาที่ภาคแรกทำไว้อย่างกระจุยกระจาย จาก Wasteland สุดแห้งแล้ง ดิบๆเถื่อนๆ เป็น Wasteland แบบฉูดฉาด Badass มันส์ศะใจไปได้ขนาดนี้ แม้จะยังเล่นไปไม่ไกลมากจนไม่อาจจะใช้คำว่ารีวิวได้ แต่วันนี้จะมาส่งมอบความประทับใจแรกหลังจากเล่น RAGE 2 มาให้ได้ชมกันครับ

Wasteland ในอีกมุมมองหนึ่ง

ปกติแล้วเนี่ย โลกหลังหายนะเป็นธีมหลักในการทำเกมยุคนี้อยู่แล้ว ล่าสุดเราก็เพิ่งเห็น Far Cry New Dawn กันไป แต่กับเกมนี้ต้องบอกว่ามันไม่คล้ายซะทีเดียว เอาแค่เกมเพลย์และระบบการเล่นก็ไม่เหมือนกันแล้ว Far Cry นั่นเรายังเป็นคน มีเลือดมีเนื้อ แต่กับ RAGE 2 นี่มันแทบจะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ มีพลังพิเศษ มีเทคโนโลยีต่างๆมาให้เราใช้ ทำให้โลกของเกม และการต่อสู้ของเกมเปลี่ยนไปมาก อย่าว่าแต่เทียบกับ Far Cry เลย เชื่อว่าคนที่ดูภาคแรกมา เห็นตัวอย่าง RAGE 2 ก็น่าจะร้อง WTF เบาๆกันได้แล้ว ดังนั้นโลกของ RAGE 2 จึงให้อารมณ์คล้ายๆกับ Mad Max แต่ทุกคนมีอาวุธ มีความบ้าคลั่ง มีเทคโนโลยี ที่พร้อมจะห้ำหั่นกันได้ตลอดเวลา เป็นอีกหนึ่งมุมมองของโลกหลังหายนะที่ทำออกมาได้รู้สึกว่า มันคือการต่อสู้เพื่ออยู่รอดจริงๆ (แม้ตอนเล่นมันจะไม่รู้สึกขนาดนั้นก็เถอะ)

หยิบระบบเกมโน่นนิด นี่หน่อย มามิกซ์กัน

สำหรับ RAGE 2 ใครที่เป็นเกมเมอร์พันธุ์แท้จริงๆ มาจับดูสัก 3 ชั่วโมงก็น่าจะรู้สึกคุ้นเคยแล้วว่าเอ๊ะ ระบบนี้ จังหวะนี้ ทำไมมันไปคล้ายเกมนั้นเกมนี้จังเลย และต้องบอกก่อนว่าเกมนี้เป็นการร่วมมือกันพัฒนาครั้งแรกระหว่าง id Software (ที่ทำ DOOM , QUAKE มาก่อน) และ Avalanche Studio (ผลงานเด่นสุดเลยหนีไม่พ้น Just Cause) สองค่ายที่ถนัดทำเกมบู๊แหลกมาจับมือกันทำ ผลที่ได้คือ Gameplay ที่โคตรมันส์ รวดเร็ว และเร้าใจ แต่ด้วยความที่มันเป็น Open World มันเลยต้องหยิบเอาระบบเกมนั้นเกมนี้มาใส่..

หลายครั้งที่เวลาเรายิงต่อสู้กับศัตรู และสาดพลังใส่ศัตรูไปด้วยได้ เราจะรู้สึกเหมือนเล่น Bioshock อยู่
หลายครั้งที่เราเดินหน้าบู๊แหลกกับศัตรูนับสิบ บางทีเหมือนเราเล่น Call of Duty + Saints Row ในเวลาเดียวกัน
หลายครั้งที่เราจู่โจมศัตรูในระยะประชิด หรือฆ่าศัตรูตอนสถานะ Overdrive เรารู้สึกเหมือนดูมกายใน Doom
หลายครั้งที่เราขับรถไล่ล่ากันอยู่บนถนน ยิงหรือกระแทกรถศัตรูจนคว่ำ เรารู้สึกเหมือนเล่น Mad Max

ดังนั้นคืออย่างที่บอกเลยว่า RAGE 2 เป็นเกมที่ดึงเอาระบบเกมอื่นๆหลายๆเกมมาผสมผสานกัน ถามว่ามันสนุกมั๊ย ? ตอบเลยว่าสนุกครับ แต่กับเกมเมอร์ที่เล่นเกมมาเยอะๆ เขาอาจจะรู้สึกว่านี่มันก็ไม่ต่างจากเกมอื่นๆที่เค้าเคยเล่นมากันเลยนี่หว่า แต่จะยังไงก็ตาม ตรงส่วนนี้เราค่อยว่ากันอีกทีในรีวิวฉบับเต็ม

Apex Engine เอนจิ้นสำหรับเกม Open World โดย Avalanche

RAGE 2 ถือเป็นเกมที่ 2 ที่ได้ใช้เอนจิ้นตัวนี้ในการพัฒนาเกมครับ เกมแรกคือ Just Cause 4 ซึ่งเอนจิ้นตัวนี้เนี่ย เป็นเอนจิ้นเอาไว้สำหรับพัฒนาเกม Open World ที่ทาง Avalanche เขาพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ แน่นอนว่ามันทำออกมาได้ดีมาก สวยมาก แม้ตอน Just Cause 4 มันจะยังมีปัญหา เพราะเป็นเกมแรกที่ใช้ อาจจะต้องปรับปรุงแก้ไขให้เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ของหลายๆคน (หรือเครื่องคอนโซลก็ตาม) แต่พอมาเกมนี้ ปัญหาที่ Just Cause 4 มีในวันเปิดตัวก็แทบไม่เหลือให้เห็น ทั้งอาการเฟรมตก กระตุกไม่มีสาเหตุ ปัญหาเหล่านั้นไม่มีแล้ว

แต่สิ่งที่ยังทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยโอเคอยู่กับเอนจิ้นตัวนี้อยู่คือ พอเราอยู่ห่างจากพวกวัตถุในเกมไกลๆแล้ว ภาพที่เห็นมันจะออกแนวเบลอๆ หรือแตกเป็นเม็ดพิกเซลให้เห็นเลยอยู่บ่อยครั้งมาก ซึ่งปัญหานี้มีมาให้เห็นนับตั้งแต่ Just Cause 4 ก็ไม่รู้ว่าที่มันยังคงมีอยู่ อาจจะเป็นเพราะความตั้งใจของเจ้าเอนจิ้นตัวนี้เอง หรือเพราะมันยังไม่ได้แก้ไขกันแน่ จากที่ผู้เขียนลองใช้งานมา ทั้งการ์ดจอ GTX 970 และ GTX 1070 ก็เจอปัญหานี้ทั้งคู่ มันทำให้เกมดูดรอปคุณภาพด้านกราฟิกลงไปเลย ถึงแม้ว่าเฟรมเรทจะไม่ตกก็ตาม ก็ต้องรอดูว่าอนาคตหากจะมีเกมที่ใช้เอนจิ้นตัวนี้พัฒนาขึ้นมาอีกล่ะก็ ปัญหาตรงจุดนี้จะยังคงอยู่หรือไม่

นอกจากสิ่งที่กล่าวมานี้ RAGE 2 ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้พูดถึง ทั้งระบบอาวุธ สกิล การอัพเกรดทุกอย่างภายในเกมที่ผู้เล่นต้องออกไปผจญภัยหาวัตถุดิบ หาเงินมาอัพ แต่ระหว่างการหาของ เกมเพลย์การเล่นจะสนุก ดุเดือด เร้าใจ สมกับที่ให้แฟนๆ RAGE รอคอยมากว่า 8 ปีหรือไม่ เอาไว้ค่อยพบกันใน RAGE 2 ฉบับรีวิวเต็มๆนะครับ สำหรับวันนี้ ผู้เขียนขอตัวไปลุยต่อก่อนนะ สวัสดีครับ!

กำลังโหลด...