Black Ops 4 VS Battlefield V สงครามเกมยิงเรือธงที่ดุเดือดทั้งในเกมและนอกเกม!

Playulti 01 Jun 2018, 18:12:32
ข่าวเกม PC

พูดถึงเกม Shooting แม้ว่าในแต่ละปีเราจะมีเกมแนวนี้ออกมาให้เล่นกันอย่างมากมายก่ายกอง แต่ก็จะมีอยู่สองเกมที่เป็นคู่แข่ง คู่ชิงชัยกันมาตลอด แน่นอนว่าผมหมายถึงซีรีส์ Call of Duty และ Battlefield นั่นเอง อย่างที่รู้กันว่าสองแฟรนไชส์นี้ก็เหมือนไม้เบื่อไม้เมาที่ต่างมีแฟนคลับเป็นของตัวเองกัน และมักจะตั้งแง่ถกประเด็นกันตลอด และที่ร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็นปีนี้ เพราะเปิดตัวในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน วางจำหน่ายก็ใกล้กันอีก โดยทางฝั่ง Call of Duty คือ Black Ops 4 และทาง Battlefield คือ V วันนี้เราจะลองมาวิเคราะห์กันว่าแต่ละเกมมีจุดเด่นจุดด้อยที่ตรงไหนกันบ้าง



สิ่งแรกที่น่าตกใจปนอึ้งไปตามๆกัน คือการที่ Black Ops 4 ของทาง Call of Duty นั้น เลือกที่จะตัดโหมดเนื้อเรื่องทิ้งไปเลย ซึ่งตรงนี้ที่ทำให้กลายเป็นกระแสอันร้อนแรงมากๆเลยทีเดียว เพราะจุดเด่นของ Call of Duty ที่ผ่านๆมานั้น แม้เนื้อเรื่องจะไม่ได้หวือหวาอะไรมากนับตั้งแต่จบไตรภาค Modern Warfare ไป แต่หลักๆที่แฟนๆบ่นกันคือ แม้เนื้อเรื่องที่ใส่มามันจะไม่ได้ดีมาก แต่มันก็ยังมีความยาวมากพอที่จะทำให้รู้สึกว่าเล่นแล้วคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปอีกด้วย แต่พอตัดออก มันให้ความรู้สึกว่าเราเสียเงินซื้อเกมออนไลน์เดินยิงกันธรรมดามาทั้งที่ราคามันก็ไม่ได้ถูกเลย

แต่จากกระแสผู้เล่นในหลายๆกลุ่มของไทยต่างก็ลงความเห็นว่าส่วนมากซื้อมาก็แทบจะไม่ได้แตะกันอยู่แล้ว ส่วนมากเอามาเล่นออนไลน์กันมากกว่า แต่เสียงอีกฝั่งก็บอกว่าถึงยังไงมันก็ควรจะมีเนื้อเรื่องอยู่ดี ส่วนอีกฝั่งนึงก็คือยังไงก็ได้ มีก็เล่น ไม่มีก็ไม่เล่น และอาจจะไม่ซื้อด้วย เพราะหลังๆตัวเกมหาความแปลกใหม่ใดๆไม่ได้เลย

ความเห็นของผู้เขียน : Call of Duty เป็นแฟรนไชส์ที่ผู้เขียนเล่นบ่อยกว่า Battlefield ด้วยเหตุผลง่ายๆเลยคือ ผมขี้เกียจ Login ORIGIN (ได้เหรอฟระ!) แน่นอนว่าไตรภาค Modern Warfare เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆในความคิดของผม และล่าสุดผู้เขียนก็เพิ่งได้เล่นภาค Infinite Warfare จบไป เกมเพลย์มันก็แทบไม่ได้ต่างอะไรกันมากเลย เดินยิงเป็นเส้นตรงจบๆกันไป เนื้อเรื่องก็ตามสเตปเกมเดินยิงทั่วไป ดังนั้นสำหรับผู้เขียนแล้ว เนื้อเรื่องจะมีหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งตัดภาพมาที่ราคาตัวเกมที่สูงถึง บาท ก็ดูจะสูงเกินไปหน่อยสำหรับเกมที่มีแต่โหมดออนไลน์เท่านั้น



Battle Royale คำนี้คงจะได้ยินกันจนเบื่อไปแล้วในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา เพราะถือว่าเป็นโหมดเกมยอดนิยมในช่วงปีที่ผ่านมา และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ค่ายเกมฟอร์มยักษ์ จะหยิบเอาเกมฟอร์มยักษ์มาใส่โหมดนี้เข้าไป น่าจับตามองและเป็นห่วงในคราวเดียวกัน

สิ่งที่น่าจับตามองคือ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีผู้พัฒนารายใหญ่ ทุนหนา ได้เอาโหมดเกมนี้มาพัฒนาครับ ปกติเราจะเห็นแต่เกมฟอร์มเล็กอย่างเช่น Darwin Project , Radical Heights และอื่นๆอีกมาก แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถเอาชนะตัวพ่ออย่าง PUBG และ Fortnite ลงได้เลย ตอนนี้ดูเหมือนว่าโหมด Black Out นี่ล่ะ ที่น่าจะเป็นฟอร์มใหญ่ของจริง แต่ตัวอย่างที่ปล่อยมา ก็เป็นเพียง Cinematic Trailer เท่านั้น ยังไม่เห็นเกมเพลย์แต่อย่างใด แต่ก็บอกไว้เลยว่าตัวผมเองคาดหวังเอาไว้มากพอสมควรเลยทีเดียว


แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ เพราะมันเป็นค่ายใหญ่ ฟอร์มใหญ่ เกมใหญ่นี่ล่ะ ที่ทำให้มันน่าเป็นห่วงไปด้วยในคราวเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันดันใช้ชื่อ Call of Duty ที่เป็นแฟรนไชสมายาวนานหลายปี การนำเอาชื่อนี้มาใช้เท่ากับว่าทางผู้พัฒนาต้องยินยอมทำใจยอมรับความเสี่ยงระดับ "สูงมาก" เอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะถ้าพลาดขึ้นมามันอาจจะเป็นตราบาปติดตัวไปอีกยาวนาน และกู้ชื่อเสียงคืนกลับมาได้ยากเสียเหลือเกินจริงๆ งานนี้ต้องรอดูแล้วล่ะครับว่ามัลติเพลเยอร์กับโหมด Black Out จะพาเกม Call of Duty : Black Ops 4 ไปในทิศทางใดกันแน่



และอีกข้อนึงที่ค่อนข้างสำคัญเลยในภาคนี้นั่นคือ ภาคนี้ไม่ลง Steam นะครับ แต่จะขายบนแพลตฟอร์ม Battle.net แทน เพราะผู้จัดจำหน่ายคือ Activision กรณีนี้ก็จะเหมือนกับเกม Destiny 2 นั่นเองที่ไปวางขายบน Battle.net แต่สำหรับข้อนี้ไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไรนัก เพราะแพลตฟอร์ม ฺBattle.net มีมาตรฐานที่มากพออยู่แล้ว (แหงล่ะ ของ Blizzard) เพียงแต่เกมเมอร์บางท่านอาจจะไม่ชินเท่านั้นเพราะ Steam มันเข้าถึงง่าย ใช้งานง่ายกว่านั่นเอง



ต่อกันที่ Battlefield กันบ้าง ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่เล่น Battlefield มาน้อยภาคมาก แถมดันไปชอบภาคที่แฟนๆเค้าไม่ชอบกันซะด้วยอย่างเช่น Battlefield Hardline ส่วนภาคหลักๆที่ผมเล่นก็คือภาค 4 ที่ซื้อมาเล่นมัลติเพลเยอร์กับเพื่อนแปปเดียวก็เลิก เพราะรู้สึกไม่ใช่แนวทางจริงๆนั่นแหละ ดังนั้นใครที่พอจะรู้ว่าที่ผ่านมา Battlefield มีเนื้อเรื่องในระดับไหนก็สามารถคอมเมนท์บอกต่อกันได้นะครับ

ใน Battlefield V หลังจากปล่อยตัวอย่างมาก็ทราบกันแล้วว่ามันคือโลกในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง ซึ่งก็ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะตอน Battlefield 1 ก็เป็นสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปแล้ว จะสานต่อด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ไม่แปลก และที่สำคัญ Battlefield เพิ่งจะมาทำธีมย้อนยุคเป็นสงครามโลกก็สองภาคล่าสุดนี้เท่านั้นเอง จึงน่าสนใจว่าตัวเกมจะออกมาเป็นรูปแบบไหน และต่างจาก Battlefield 1 ยังไงในเรื่องของมัลติเพลเยอร์



และที่ดูเหมือนจะฮา (แต่อาจจะไม่ฮาสำหรับหลายคน) นั่นก็คือดราม่าที่กำลังเข้มข้นในตอนนี้ซึ่งทางไทยดูเหมือนจะไม่ได้ซีเรียสประเด็นนี้เท่ไาร แต่ต่างประเทศก็พอสมควรเลยนั่นคือ ปกเกม Battlefield V ที่เอารูปผู้หญิงขึ้นมาเด่นเป็นสง่า จนทำให้แฟนๆบางกลุ่มไม่พอใจ ว่าทำแบบนี้มันบิดเบือนประวัติศาสตร์นะ! ก่อให้เกิดประเด็นต่างๆตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการเหยียดเพศ ประวัติศาสตร์จริงเท็จเป็นอย่างไรและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งตัวผู้เขียนเองมีความเห็นว่าดังนี้

ความเห็นของผู้เขียน : ปัญหานี้ในไทยเราอาจจะไม่เท่าไร แต่ต่างประเทศคงจะจริงจังกันมาก ซึ่งหากว่ากันตามตรงแล้ว จะหญิงหรือชายขึ้นปกมันก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะถึงเวลาเราก็ต้องโฟกัสไปที่ตัวเกมเพลย์อยู่ดี ทั้งในเรื่องความสมจริงหรือเท็จจริง ตอนเล่นเราก็คงไม่ได้ไปสังเกตอะไรขนาดนั้นอยู่แล้วด้วย สรุปว่า อันไหนปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยผ่านนะทุกคนนน



อันนี้น่าจะฮาก๊ากที่สุดแล้ว ถือว่าเป็นการตลาดขั้นสุดยอดของทาง EA ที่ทำเอาหลายคนหายหัวร้อนแล้วมานั่งขำกันแทน นั่นก็คือปฏิกิริยาของทาง EA ที่ออกมาตอบโต้กับเหล่าคนที่คิดว่าเอาผู้หญิงขึ้นปกไม่เหมาะนั่นแหละ โดยทาง EA เขาได้ออกมาบอกว่า ไม่อยากให้ตัวละครหญิงอยู๋บนปกงั้นเหรอ งั้นก็จ่ายเงินเพิ่มสิจ๊ะ แล้วเอาปกตัวละครชายไปเลย บอกลเยว่าเป็นการตลาดที่เหนือชั้นที่สุดตั้งแต่เคยมีมาจริงๆ จ่ายเงินเพิ่มเพื่อเปลี่ยนปกเกมเนี่ย ฮา



นี่แหละที่น่าสน อย่างที่รู้กันดีว่าปกติแล้วเนี่ย Battlefield จะเป็นซีรีส์ที่หลายคนเล่นมัลติเพลเยอร์กันมากกว่าอยู่แล้ว แต่ในภาคนี้เนี่ย จะทำยังไงดีให้มันแตกต่าง น่าสนุกกว่า Battlefield 1 ซึ่งโหมดการเล่นต่างๆอาจจะถูกเพิ่มขึ้นมาให้มากกว่าเดิมก็เป็นได้ ซึ่งจากงานเปิดตัวที่ผ่านมาได้มีการเปิดเผยถึงโหมดผู้เล่น 64 คนตามแบบฉบับที่ Battlefield มี โหมด Conquest , Frontlines , Domination และ Team Deathmatch แต่โหมดใหม่ก็คือ Combined Arms ซึ่งเราจะต้อง Co-Op กับเพื่อน รวมแล้ว 4 คน ให้ออกไปทำภารกิจแนวหลังข้าศึก เช่น ลอบสังหาร โจรกรรม ก่อวินาศกรรม ซึ่งอันนี้ต้องรอดูรายละเอียดกันต่อไปครับ



Call of Duty เขา No More Story แต่ทางนี้ No More DLC & Premium Pass เอาจริงสิ เป็นไปได้เหรอที่ค่ายหน้าเงิน อุ๊บ ขอโทษๆ ที่ค่าย EA เขาจะทำแบบนี้จริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะรอบนี้เขาออกมายืนยันเลยว่า ไม่มีอีกแล้วสำหรับตัวเสริมกินเงินทั้งหลายแหล่ หรือซีซั่นพาส พรีเมียมพาส ซื้ออัพเดทตัวเกมล่วงหน้าในอนาคต รอบนี้ซื้อเกมทีเดียว ได้ครบจบทุกกระบวนความ อัพเดทต่างๆที่จะตามมา ฟรี! แต่สำหรับคนที่ซื้อตัวเกมในรูปแบบ Deluxe Edition จะได้เป็นคอสตูมตัวละคร และสกินปืนเท่ๆไว้ล่อบาทาชาวบ้านในออนไลน์แมทช์นั่นเอง และพวกเขายังยืนยันอีกด้วยว่า จะไม่มีการ Pay-To-Win เกิดขึ้นในเกมนี้อย่างแน่นอน ก็ต้องรอดูละ ว่าสัจจะวาจา EA ในครั้งนี้จะเชื่อถือได้แค่ไหนกัน



คงไม่ต้องถามเลยข้อนี้ เพราะใครเป็นแฟนๆเกมซีรีส์ไหนก็ต้องจัดเกมนั้นกันอยู่แล้ว แต่สำหรับผมที่บ้าการเล่นเกมเข้าเส้นเลือดแล้ว การพรีออร์เดอร์ทั้งสองเกมจึงไม่ใช่เรื่องยาก (อาจจะยากเรื่องเงิน) ซึ่งในความเห็นผมนั้นปีนี้น่าจับตามองทั้งสองเกม แต่ด้วยราคาแล้ว หลายคนอาจจะไม่สะดวกใจในการซื้อทั้งสองเกม หรือแค่เกมเดียวก็เกินกำลังทรัพย์แล้ว ดังนั้นทางออกคือ รอวันที่เกมออกวางจำหน่าย ดูคลิปเกมเพลย์โดยรวม หรือถามเพื่อนถามฝูงว่ามีใครสนใจเกมไหนแล้วก็ไปซื้อกันตามสะดวก อย่าลืมนะครับ แม้ทั้งสองเกมจะมีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกัน แต่สุดท้ายคนที่จะเลือกว่าจะเล่นเกมไหน ก็คือเราเอง ขอให้มีความสุขกับการเล่นเกมนะครับ!




กำลังโหลด...