17 สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อมาเล่น Population Zero เกมออนไลน์ MMORPG เอาชีวิตรอดบนต่างดาว!

Playulti 05 May 2020, 16:37:15

ขอต้อนรับเข้าสู่บทความพิเศษ "ควรซื้อหรือไม่?!" กับผลงานอันแสนทะเยอทะยานจากทีมพัฒนา Enplex Games LLC ที่มีชื่อเรียกขานกันว่า Population Zero เกมออนไลน์แนว MMORPG Survival ในรูปแบบ Open World ที่น่าจับตามองในปี 2020 ซึ่งกำลังจะวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PC [Steam] ในวันที่ 6 พฤษภาคมที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ ด้วยเหตุนี้ทามาโมะจังจึงได้สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับตัวเกมทั้งหมดให้ทราบกัน เพื่อเป็นข้อมูลแก่เพื่อนๆ ทุกคนได้ตัดสินใจว่ามันถูกจริตกับผู้เล่นชาวไทยรึเปล่า? มีความคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่?

รายละเอียดดังต่อไปนี้เป็นการสรุปรวบยอดข้อมูลสำคัญจากบทความข่าวเกม Population Zero ที่ทางทีมงาน PlayUlti โพสต์ให้อ่านติดต่อกันหลายสัปดาห์ เนื่องจากผู้เขียนทำการแปลข้อมูลของตัวเกมแบบเรียลไทม์ตลอด (ฮา) โดยมีเนื้อหาพอสังเขป ดังนี้

1. เกมนี้จะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของตัวละครที่เราสร้างขึ้นมากับมือเอง ซึ่งสวมบทบาทเป็นนักบินอวกาศที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องขัดข้อง จนต้องนำยานอวกาศมาลงจอดที่ดาวเคราะห์ Kepler ก่อนที่จะเจอกับเหล่าสัตว์ประหลาดเข้าโจมตี และได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ที่พบเจอชะตากรรมเดียวกัน พวกเขาตัดสินใจออกเดินทางเพื่อหาหนทางออกไปจากดาวเคราะห์ดวงนี้ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออยู่ๆ เหล่ากลุ่มมนุษย์วายร้ายที่คอยติดตามพวกเขาตลอดเวลา กลับลอบโจมตีสังหารทุกคน ยกเว้นแค่เราคนเดียวที่รอดมาได้ แล้วหลังจากนั้นเราต้องหาทางเอาชีวิตรอดต่อไปด้วยตนเองเท่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นช่วงเริ่มต้นของตัวเกมเลยล่ะค่ะ

2. เกมนี้จะแตกต่างจากเกมออนไลน์ทั่วไปตรงที่ทุกคนจะมีเวลาในการเล่น 1 ตัวละครเพียงแค่ 168 ชั่วโมง [หรือ 7 วัน] ที่เวลาจะยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าเราจะทำการออฟไลน์ไปแล้วก็ตาม ซึ่งภายใน 168 ชั่วโมง เพื่อนๆ ต้องหาทางเอาชนะอะไรบางอย่าง เพื่อให้ได้รับรางวัลพิเศษ แล้วนำกลับไปเริ่มเล่นใหม่อีก 168 ชั่วโมงต่อจากนั้น สำหรับตัวละครของเราสามารปรับแต่งได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง

3. ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ทีมพัฒนาให้คำนิยามว่า "วงจรชีวิต 168 ชั่วโมง" หรือ "168-Hour Cycle" ที่จะตัดสินว่าผู้เล่นจะชนะหรือแพ้ภายในวงจรชีวิตนั้นๆ โดยในในช่วงวงจรชีวิตแรกของผู้เล่นทุกคน ล้วนเกิดขึ้นมาในพื้นที่พิเศษของเกมตลอดเวลา เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเรียนรู้ระบบเกมผ่าน Tutorial ได้อย่างสบายใจ ต่อจากนั้นก็รับทำเควสภารกิจ, ออกสำรวจสถานที่, เก็บเกี่ยวทรัพยากร, คราฟไอเทม / สิ่งของ และเข้าต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด + ผู้เล่นคนอื่นๆ ภายใน 168 ชั่วโมง

4. ทุกๆ วงจรชีวิตจะให้รางวัลเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อคโหมด, เทคโนโลยี และอะไรต่างๆ ที่ส่งผลต่อเกมเพลย์ ก่อนที่ผู้เล่นจะถูกส่งไปอยู่ในวงจรชีวิตใหม่เป็นเวลา 168 ชั่วโมง อีกทั้งไม่ว่าเราจะชนะหรือแพ้ ทุกคนก็จะได้รับรางวัลอยู่ดี ซึ่งขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้เล่นล้วนๆ ว่าสามารถผจญภัยไปได้ถึงไหน และทำการอัพเกรดเทคโนโลยี + ทักศษะสกิล (Perk) ได้มากน้อยแค่ไหนกัน? หากสงสัยว่าทำไมทีมพัฒนาถึงออกแบบ "วงจรชีวิต 168 ชั่วโมง" เข้าไปฟังเหตุผลกันได้ คลิ๊กที่นี่ นะจ๊ะ

5. ภายในเวลา 168 ชั่วโมง ผู้เล่นจะได้พบเจอกิจกรรมหลักๆ ดังต่อไปนี้

การที่ผู้เล่นจะทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ
การพบเจอเนื้อเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวของกับพื้นที่ดาว และการเอาชีวิตรอด
จะไม่ค่อยมีผู้เล่นยึดพื้นที่ของดาวเยอะจนคนอื่นเสียเปรียบ เพราะเกมมีเวลาให้ 168 ชั่วโมงหรือ 7 วัน ก่อนทุกอย่างจะต้องไปเริ่มใหม่
ให้ผู้เล่นรู้สึกอยากกำหนดว่าภายใน 168 ชั่วโมง จะทำอะไรดีบ้าง

6. สิ่งที่ผู้เล่นน่าจะอยากรู้ว่าแล้วจะชนะหรือแพ้ยังไง ประกอบไปด้วยกันเนื้อหาดังนี้

ทำภารกิจเป้าหมายหลักให้สำเร็จ ซึ่งจะส่งผลให้ตัวละครผู้เล่นมีชีวิตรอดจากดาวดวงนี้
ถ้าทำไม่สำเร็จภายในเวลา 168 ชั่วโมง ผู้เล่นจะพ่ายแพ้
ผู้เล่นสามารถแพ้ได้ด้วยการกลายเป็นเอเลี่ยน หรือตายเพราะมอนสเตอร์ ซึ่งส่วนนี้จะทำให้โลกในเกมมีสัตว์ประหลาดมากขึ้น
จงใจเริ่มเล่นตัวละครใหม่เอง

7. นอกจากนี้ตัวเกมจะยังมีระบบความก้าวหน้าของไอดีผู้เล่นอีกด้วย ผลประโยชน์ก็คือ

เพื่อให้ทางผู้พัฒนาเกมสามารถเช็คไอดีผู้เล่นคนนั้นๆ ได้ว่าชนะ หรือแพ้มาอย่างไรบ้าง แล้วนำไปปรับปรุงเกมต่อไป
เพื่อให้ผู้เล่นได้รับรางวัลเหรียญตราที่แตกต่างกันจากวงจรชีวิตรอบนั้นๆ
เพื่อให้ผู้เล่นได้เข้าใจเนื้อเรื่องคนละแบบกันไปตามวงจรชีวิตรอบนั้นๆ
เพื่อให้ผู้เล่นได้มีเลเวลประจำไอดี แล้วให้ผู้เล่นได้พบเจอกับคนอื่นที่เลเวลเท่ากันเป็นหลัก
ส่งผลให้อยากกลับมาเล่นเกมดังกล่าวอีกครั้ง เนื่องจากมีความก้าวหน้าให้ปลดล็อคอะไรใหม่ได้เรื่อยๆ

8. ระบบการต่อสู้ของ Population Zero จะเน้นไปทางด้านอาวุธระยะประชิดเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีให้ใช้สร้างความได้เปรียบแตกต่างกันหลายชนิด เช่น หมัด, ดาบ, ขวาน และหอก เป็นต้น พร้อมกับสามารถต่อคอมโบต่อเนื่อง - ป้องกันการจู่โจม - หลบการโจมตีไปทางด้านซ้ายหรือขวาได้ เพียงแต่มันอิงกับค่าความเหนื่อยล้า (Stamina) ที่หากใช้จนหมดหลอดเมื่อไหร่ ตัวละครของเราจะหมดแรงเหนื่อยทันที ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากต้องศึกษารูปแบบการโจมตีของศัตรูแล้ว ยังคอยดูเรื่องระดับเกรดอาวุธและชุดเกราะอีกด้วยนะเออ

9. ถึงอย่างนั้นในยามจำเป็นก็สามาารถใช้อาวุธปืนเล็งยิงระยะไกลได้นะคะ หากเราโจมตีผู้เล่นคนอื่นๆ จนใกล้ตาย ผู้เล่นคนอื่นจะอยู่ในสภาพล้มบาดเจ็บ ซึ่งส่งผลให้เราใช้วิธีเจรจาที่ไม่จำเป็นต้องฆ่ากันได้ หรือไม่ถ้าหากผู้เล่นตายภายในเกมบ่อยๆ ก็จะถูกเปลี่ยนร่างให้เป็นเอเลี่ยนนักกล้ามในชื่อ The Void ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนปีศาจ และสามารถใช้กงเล็บยักษ์เข้าต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นได้ รวมทั้งยังเรียกเหล่ามอนสเตอร์ไปช่วยถล่มผู้เล่นคนอื่นได้อีกต่างหาก แต่เมื่อตายแล้วจะต้องไปเล่นตัวละครใหม่ทันทีเลยนะ

10. ระบบต่อสู้ศัตรูทั้งในศึก PvE และ PvP แบ่งออกเป็นดังต่อไปนี้

• ในการต่อสู้แบบ PvE ผู้เล่นจะได้เจอทั้งศัตรูชนิดมอนสเตอร์โจมตีระยะใกล้ และไกล รวมทั้งศัตรูฉบับมนุษย์โจร

• ในการต่อสู้แบบ PvP ผู้เล่นจึงจะต้องเลือกชนิดอาวุธให้เหมาะกับตัวเราเองพอสมควร อย่างดาบก็จะสามารถโจมตีได้คล่องแคล่วทุกรูปแบบ, ขวานจะโจมตีแรงกว่าอาวุธอื่นๆ และหอกที่จะโจมตีได้ไกลเป็นพิเศษ ส่งให้ผู้เล่นต้องตัดสินตลอดเวลาว่าถ้าหยิบอาวุธนี้ออกมา จะปราบผู้เล่นศัตรูได้หรือไม่

11. รายละเอียดโหมดการเล่นแบบ PvE มีดังต่อไปนี้

ผู้เล่นจะไม่สามารถทำร้ายผู้เล่นกันเองได้เลยเด็ดขาด รวมทั้งการสร้างสถานะใส่แบบอื่นๆ อย่างทำให้เลือดไหล, ล้ม และอื่นๆ
ผู้เล่นจะไม่สามารถเก็บของจากศพผู้เล่นคนอื่นได้
ผู้เล่นจะไม่สามารถยุ่งกับกล่องสมบัติ หรือสถานที่ของผู้เล่นคนอื่นได้
หากมีเลเวลการกลายพันธุ์เต็ม ผู้เล่นจะกลายเป็นมนุษย์ปีศาจในชื่อ The Void ที่จะมีพละกำลังโหดกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่จะมีชีวิตได้เพียง 4 ชั่วโมง และเมื่อตายก็จะไม่เป็น The Void อีก รวมทั้งจะต้องไปเริ่มเล่นเป็นมนุษย์คนใหม่ตั้งแต่ต้น
ผู้เล่นจะสามารถอัปเลเวลของไอดีภายในโหมด PvE ได้จากการทำภารกิจหลัก และฆ่าเหล่า AI ศัตรู
เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเล่นคนเดียว หรือชอบเกมแบบ Co-Op
โหมด PvE แบบอื่นที่ไม่ใช่อันแรก จะมีเนื้อเรื่องที่แตกต่างกัน และจะได้รับค่าประสบการณ์มาอัปเลเวลไอดีมากกว่า 150%

12. รายละเอียดโหมดการเล่นแบบ PvP มีดังต่อไปนี้

ผู้เล่นจะสามารถทำร้ายผู้เล่นกันเองได้ทุกรูปแบบ
ผู้เล่นจะสามารถเก็บของจากศพผู้เล่นคนอื่นได้
เมื่อเกิดการตาย 1 รอบ ผู้เล่นจะเสียทรัพยากรทั้งหมดทันที
ผู้เล่นจะได้รับค่าประสบการณ์มาอัปเลเวลไอดีเหมือนแบบเดียวกันกับโหมด PvE
The Void จะสามารถโจมตีผู้เล่นคนอื่นได้ แต่จะไม่สามารถโจมตีพวกเดียวกันเองได้
การเป็น The Void สังหารผู้เล่นคนอื่นจะทำให้ได้รับค่าประสบการณ์มาอัปเลเวลไอดี
เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเอาชีวิตรอดจากผู้เล่นคนอื่น แต่ก็ควรมีเพื่อนด้วย เพราะอาจโดนศัตรูรุมได้ง่ายๆ
โหมด PvP จะมีโหมดแยกให้ปลดล็อคในชื่อ Hotheads ซึ่งหากผู้เล่นตายในโหมดดังกล่าวเพียงแค่ครั้งเดียว ก็จะถูกกำหนดให้ไปเล่นตัวละครใหม่ทันที แต่จะทำให้ได้ค่าประสบการณ์มาอัปเลเวลไอดีมากกว่า 500%

13. ทีมพัฒนาเปิดเผยว่า Population Zero สามารถเลือกเล่นระหว่างโหมด PvE และ PvP แยกเป็นส่วนๆ ได้ตามอัธยาศัย เนื่องจากพวกเขาอยากให้ผู้ที่ไม่เคยเล่นเกมแนว MMORPG ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากผู้เล่นคนอื่นไปด้วยมาก่อนเลย จะสามารถสนุกกับตัวเกมโดยยังไม่ต้องไปต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นก่อนก็ได้ แต่ถ้าหากเข้าเล่นภายในโหมด PVP ก็จะมีข้อดีกว่าคือผู้เล่นจะสามารถอัปเลเวลได้ไวมากกว่าเป็น 150% ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้เล่นแล้วด้วยว่าอยากจะเสี่ยงสุดให้เลเวลไวขึ้น หรืออยากมาเล่นเพลินๆ โดยไม่เจอผู้เล่นคนอื่นมารุมกระทืบ!

14. ส่วนเมื่อหากผู้เล่นได้เอาชีวิตรอดสำเร็จภายในเวลาของเกม 168 ชั่วโมง ตัวเกมก็ยังจะทำการปลดล็อคโหมดใหม่ๆ ให้ได้เข้าไปเล่นกันอีกต่างหาก ซึ่งโหมดใหม่ๆ จะมีความต่างจากการเป็นโหมด PVP และ PVE ทั่วไปแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มจำกัดการตายของผู้เล่นได้แล้ว (ในปกติ ถ้าผู้เล่นตายจะสามารถเกิดใหม่ได้ตลอด) หรืออาจสามารถอัปเลเวลได้ไวมากกว่าโหมด PVP อีก ซึ่งส่วนนี้ก็คงต้องรอดูในตัวเกมจริงๆ ว่าจะน่าสนใจมากขนาดไหน แต่ก็ถือว่าเป็นรางวัลดีๆ ให้ผู้เล่นได้มีแรงบันดาลใจอยากเอาชีวิตรอดภายในเกมไปด้วยนั่นเอง

15. สภาพภูมิประเทศภายในเกมแบ่งออกเป็น 7 ลักษณะด้วยกัน อาทิเช่น สันเขาทอดตัวเรียงกันเป็นแนวยาว, หุบผาชันที่ลึกและมีขนาดใหญ่, พื้นที่แห้งแล้ง, พื้นที่ป่าไม้รกทึบ, สภาพพื้นที่ผิดปกติ (ไม่รู้ว่าสื่อถึงอะไร), พื้นที่ที่ปล่อยลาวาออกมา กับพื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ / ประเภทมอนสเตอร์แตกต่างไปด้วยเช่นกัน รวมถึงการเก็บเกี่ยวทรัพยากรต่างๆ เพื่อนำไปสร้างสิ่งของปลดล็อคอะไรใหม่ๆ ได้หลากหลายชนิดอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นความท้าทายที่ทำให้ผู้เล่นติดพันอยู่กับเกมนี้ได้นานๆ เลยล่ะค่ะ

16. ในแต่ละพื้นที่ของดาวเคราะห์ Kepler ล้วนมีสถานที่หลบภัยของมนุษย์ชาติให้แวะระหว่างทาง มันรายล้อมไปด้วยบรรดา NPC ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับดาวดวงนี้ ทำเควสภารกิจ หรือไม่ก็ซื้อของ / ปลดล็อคของใหม่ๆ อีกเพียบเลยทีเดียวเชียว

17. ถึงกระนั้นมันก็มีสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งบนดาวเคราะห์ Kepler ที่นับให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสูงสุดแห่งเดียวที่ไม่สามารถทำร้ายกันได้เลย โดยได้รับการขนานนามว่า "The Last Refuge" ส่งผลให้หากผู้เล่นจำเป็นต้องหนีตายจากผู้เล่นคนอื่น ก็ต้องหนีเข้ามาที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น นอกเหนือไปกว่านั้นยังเป็นศูนย์กลางให้ผู้เล่นมาทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไว้ใช้สำหรับพักพิง, เก็บไอเทม, รับเควส, สร้างสิ่งของ และพบกับผู้เล่นคนอื่นๆ นั่นเอง ; The Last Refuge มีรูปร่างเหมือนซากส่วนหัวของยานอวกาศยักษ์ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้

Population Zero กำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 6 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เฉพาะบน PC [Steam] เท่านั้น โดยตัวเกมยังคงอยู่ในช่วง Early Access ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 9 เดือนกว่าจะพัฒนาให้เสร็จสมบูรณ์ รวมไปถึงอัพเดทคอนเทนต์ใหม่เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศ, พื้นที่, ทรัพยากร, อาวุธ, ชุดเกราะ, เทคโนโลยี และการปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวเกม เป็นต้น เอาเป็นว่าหากมีรายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อไหร่ล่ะก็ ทามาโมะจังและทีมงาน PlayUlti จะรีบมาแจ้งให้ทราบทันทีค่ะ