มาดูกันครับว่าสัตว์อสูรใน Final Fantasy มีที่มาที่ไปอย่างไร

Playulti 04 Oct 2014, 10:20:24
ข้อมูล, เทคนิค (PC)

     ขึ้นชื่อว่า Final Fantasyหลายๆคนคงรู้ดีว่ามันมีอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมRPGอื่นๆ ถ้าย้อนไปยุคสมัยของ Final Fantasyภาคแรกๆนั้นสิ่งนี้ทำให้เกมนี้แตกต่างถึงขั้นที่เรียกว่าแหวกแนวเกมRPG สมัยก่อนไปเลย คือการเรียกสัตว์อสูรมาโจมตีเป้าหมาย หรือมนต์อสูร นั่นเองครับ นับตั้งแต่ไฟนอลแฟนตาซีภาคสาม( ภาคแรกที่มีระบบมนต์อสูร ) มาจนถึงภาคปัจจุบันอย่างภาค14และหากรวมถึงภาคพิเศษแยกย่อยจำนวนของมนต์อสูรที่เราสามารถเรียกใช้ในเกมก็มีมายมากวันนี้เฮียจะขอเล่าประวัติเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเหล่าสัตว์อสูรที่เราคุ้นหน้ากันครับ

เริ่มด้วยนี่เลยครับพลาดไม่ได้ขาประจำซีรี่อสูรเพลิงอีฟริท ( Ifrit)

     อีฟริท (Ifrit, Afrit, Efreet )เป็นยักษ์ชนิดหนึ่งครับมีถิ่นฐานอยู่ใตโลกหรือในนรกโดยทั่วไปอีฟริทจะมีรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ยืนด้วยสองขา มีแขนสองข้างร่างกายกำยำใหญ่โตบนหัวมีเขาโง้ง ผิวเป็นสีแดงเข้มหรือสีดำและมีไฟล้อมรอบร่างกาย ที่จริงอีฟริทไม่ได้มีแต่เพศชายครับมีเพศหญิงเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปอีฟริทจะสืบพันธุ์อยู่ในเผ่าเดียวกันแต่ก็มีตำนานเล่าขานเหมือนกันว่าอีฟริทบางตนขึ้นมาจากนรกเพื่อแต่งงานอยู่กินกับมนุษย์รวมถึงมีนิสัยส่วนตัวแบ่งแยกออกเป็นดี เลว เหมือนมนุษย์ครับ

( ซ้าย )ภาพอี���ริทงมหีบชุดเกราะขึ้นจากน้ำเพื่อมอบให้ผู้กล้า Hamzaในตำนานของชาวอาหรับ

 

( ขวา )ภาพอีฟริทผิวดำขึ้นมาบนโลกเพื่อสมสู่กับมนุษย์เพศหญิง

 

     อีฟริทใน Final Fantasyนั้นถอดแบบมาจากตำนานแทบจะทั้งหมดแต่ก็มีบ้างในบางภาคที่ใส่ความเป็นสัตว์ลงไปอย่างภาค8ที่ใช้หัวสิงโตใส่ไปบนตัวอีฟริทเพื่อให้ดูน่าเกรงขามและน่ากลัวดั่งปีศาจจริงๆแต่โดยส่วนมากการออกแบบมาจะเน้นเป็นเหมือนปีศาจยืนสองขา มีเขี้ยวมีเขาโง้งยาวอยู่บนหัวหรือหน้าผาก สามารถใช้ไฟ เสกไฟได้ดั่งใจนึกแน่นอนว่าไฟของอีฟริทนั้นร้อนระดับเพลิงนรกโลกันต์เลยทีเดียวโดนเผาเข้ารับรองว่ากลายเป็นขี้เถ้าแน่นอนครับ เมื่อเป็นอสูรแห่งไฟการโจมตีก็ต้องเป็นธาตุไฟจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ อีฟริทใน FinalFantasy มีท่าไม้ตายประจำตัวคือ “Hell Fire”หรือในบางภาคนะใช้ชื่อท่าว่า “Inferno Flame”ซึ่งก็หมายถึงเพลิงนรกทั้งคู่

1.Ifrit จาก Final Fantasy VIII, 2.Ifrit จาก FinalFantasy III, 3.ภาพอีฟริทจากการ์ตูน Final Fantasy III, 4.Ifrti จากFinal Fantasy X

คลิ้บการต่อสู้กับ Ifrit และ ShivaFF6 iOS

คลิ้บ Ifrit จาก Final Fantasy VII-Crisis Core-

เมื่อมีไฟแล้วก็ต้องมีธาตุที่เป็นปฏิปักษ์กันอย่างน้ำแข็งราชินีน้ำแข็งชีวา ( Shiva)

 

     อีกหนึ่งสาวสวยที่อยู่กับ Final Fantasyมานานมากราชินีน้ำแข็งชีวา ( ชีว่า แล้วแต่จะอ่านออกเสียงครับ)รูปลักษณ์ของเธอภายในเกม ไฟนอล แฟนตาซีจะเป็นสาวงามผิวกายเป็นสีขาวดั่งหิมะหรือสีฟ้าอ่อนผมสีฟ้ายาวถึงกลางหลัง เธอมีท่าไม้ตาย ธาตุน้ำแข็งเป็นท่าประจำตัวโดยการทำให้อุณหภูมิของละอองน้ำในอากาศรอบๆกายของเป้าหมายค่อยๆลดลงกลายเป็นหมอกหนาและเกิดการแข็งตัวเป็นน้ำแข็งแบบฉับพลันก่อให้เกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่แช่เป้าหมายเอาไว้ภายในชื่อของท่านั้นคือ Diamond Dust ( Gem Dust ในบางภาค )

คลิ้บท่าไม้ตายของชีวาใน FinalFantasy X

คลิ้บท่าไม้ตายของชีวาจาก FinalFantasy IX

( ซ้าย ) ชีวา จาก Final Fantasy VII, ( กลาง )ภาพวาดชีวาจาก Final Fantasy X, ( ขวา ) ชีวา จาก Final Fantasy IV -PSP

    ในความเป็นจริงแล้วตำนานเกี่ยวกับชีวานั้นไม่ได้เหมือนในเกมเลยครับชีวาในตำนานบนโลกเรานั้นจริงๆแล้วคือ องค์พระศิวะในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอย่างที่ทราบกันว่าองค์ศิวะนั้นเป็นเทพเพศชายครับเรามาดูประวัติของพระองค์กัน พระศิวะ หรือ พระอิศวรเป็นหนึ่งในสามมหาเทพของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูหรือหนึ่งในตรีมูรติ พระศิวะเป็นเทพเพศชายรูปงาม รูปร่างกำยำมีวรรณะสีขาว ( ผิวขาว ) นุ่งห่มหนังเสือเหมือนฤาษีมีสังวาล์เป็นลูกประคำ ( ภาพวาดบางภาพใช้กะโหลกมนุษย์แทนลูกประคำ )มีงูเห่าคล้องพระศอ ไว้พระเกศายาวและม้วนเป็นจุฑามีพระจันทร์เป้นปิ่นปักผม มีคงคา ( พระแม่คงคา )อยู่บนยอดจุฑาคอยพ่นน้ำออกมาตลอดเวลาทำให้เกิดแม่น้ำคงคาที่ไหลผ่านประเทศอินเดียมีเนตรที่3อยู่กลางพระนลาฏซึ่งเนตรนี้จะปิดอยู่ตลอดเวลาในตำนานกล่าวว่าหากพระองค์เบิกเนตรนี้เมื่อใดจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญโลกจนสิ้นเมื่อโลกถูกไฟนี้เผาจนสิ้นแล้ว พระพรหมก็จะทรงสร้างโลกขึ้นใหม่

 

พระศิวะมีพาหนะคือ โคอุสุภราชเป็นวัวเพศผู้ตัวใหญ่สีขาวล้วนทั้งตัว มีพระชายาคือพระแม่อุมาเทวีมีพระโอรสสององค์คือ พระขันทกุมาร ( เทพแห่งสงคราม) และ พระพิฆเนศ (เทพแห่งความรู้ ผู้ชำนาญศิลปทุกแขนง ) พระศิวะประทับอยู่ ณ เขาไกรลาสอันเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล

( ซ้าย ) รูปวาดองค์พระศิวะ

( กลาง ) รูปวาดองค์พระศิวะ ปางนาฏราช เหยียบยักษ์มยะละกะ

 

( ขวา ) รูปหล่อแกะสลักองค์พระศิวะปางนาฏราช

     ใน เกมไฟนอล แฟนตาซีนั้นโดยส่วนมากเราจะเห็นท่าทางการโจมตี ชีวา เหมือนการร่ายรำอันมาจากพระศิวะใน “ปางนาฏราช” การที่ ศิวะ หรือ ชีวาในเกมถูกออกแบบมาให้เป็นเพศหญิงและใช้น้ำแข็งแทนเปลวเพลิงนั้นน่าจะมาจากความคิดแหวกแนวของตัวผู้ออกแบบครับแต่หากมองอีกมุมหนึ่งอาจจะเป็นเพียงการหยิบยืมชื่อมาใช้เพราะหากดูถึงความเป็นเพศหญิงและ ใช้น้ำแข็งแล้วชีวาจะเหมือนกับ สตรีหิมะ หรือ ยูกิอนนะในตำนาผีญี่ปุ่นมากกว่าครับ ชื่อ ยูกิอนนะนั้นตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นเป็นชื่อที่ใช้เรียกภูติหิมะที่รูปร่างเป็นสตรีงดงามผิวขาวซีด เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณแห่งฤดูหนาวเธอจะสวมชุดกิโมโนสีขาวสะอาดและปรากฎตัวบนภูเขาหิมะในวันที่มีพายุหิมะคอยหลอกนักเดินทางผู้ชายให้หลงใหลและนำพาชายผู้นั้นไปสู่ความตายเรื่องเล่าเกี่ยวกับสตรีหิมะที่โด่งดังนั้นมีอยู่ว่า มีชายตัดฟืนสองคนคนหนึ่งเป็นชายหนุ่ม ส่วนอีกคนเป็นคนแก่ทั้งสองเดินทางไปตัดฟืนบนภูเขาในฤดูหนาวและเกิดติดพายุหิมะทำให้ทั้งสองหาทางลงจากภูเขาไม่ได้ทั้งสองจึงต้องเข้าไปพักหลบพายุในกระท่อมล้างจนทั้งคู่หลับไปกลางดึกในขณะที่ชายหนุ่มกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นเขาไปเห็นสตรีสวมชุดกิโมโนสีขาว หน้าซีดเผือดแววตาน่ากลัวกำลังเป่าลมหายใจใส่ชายชราที่มาด้วยกันชายหนุ่มเกิดความกลัวจับใจจนพูดไม่ออกสตรีหิมะเดินเขามาพูดกับเขาว่าจะไว้ชีวิตแลกกับการที่ชายหนุ่มห้ามพูดถึงเรื่องของเธอพอรุ่งเช้าก็พบว่าชายชรานั้นนอนตัวแข็งเสียชีวิตไปแล้วหลังจากนั้น 1ปีชายหนุ่มคนตัดฟืนแทบจะลืมเลือนเรื่องราวบนภูเขาหิมะคืนนั้นไปเขาได้พบกับสาวงามนางหนึ่งเข้า เธอมีผิวขาวซีด หน้าตาสละสลวยจึงได้แต่งงานอยู่กินกับเธอจนมีลูก 10คนกาลเวลาผ่านมานับสิบปีแต่ความงามของเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในคืนหนึ่งที่มีพายุหิมะกระหน่ำหมู่บ้านชายหนุ่มเกิดนึกถึงเรื่องของสตรีหิมะที่เขาพบเจอและได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ภรรยาฟังเมื่อเธอได้ยินเธอก็กลายร่างเป็นสตรีหิมะนางนั้นทำให้ชายตัดฟืนตกใจมากสตรีหิมะโกรธจัดเพราะสามีเธอผิดสัญญาแต่ด้วยความเมตตาที่มีต่อลูกน้อยทั้งสิบทำให้เธอไม่ฆ่าชายตัดฟืนและหายกลับเข้าภูเขาไปหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นสตรีหิมะนางนี้อีกเลย

ภาพวาดสตรีหิมะ ยูกิอนนะ

และสุดยอดมนต์อสูรยอดนิยมตลอดกาล ราชาแห่งฟากฟ้า หรือ ราชันย์มังกรบาฮามุท ( Bahamut )

 

    มาถึงสัตว์อสูรตัวท็อปกันบ้างครับ อันดับหนึ่งตลอดกาลเท่เป็นอันดับหนึ่ง โด่งดังเป็นอันดับหนึ่งกระแสนิยมมากมายจนถึงขั้นนำชื่อของสัตว์อสูรตนนี้ไปใช้เป็นชื่อเกมเลยครับนั่นคือ“Bahamut Lagoon” บนเครื่อง Super Famicomรวมไปถึงเป็นศัตรูรับเชิญในเกม “Super Mario RPG”ที่ทางค่าย Squaresoft ( Square Enix ในสมัยก่อน ) จับมือกับ nintendoสร้างขึ้น     ราชามังกรบาฮามุท ที่เราเห็นกันในซีรี่ไฟนอลแฟนตาซีนั้นเป็นมังกรดำตัวใหญ่มีสองปีกจะคอยบินลงมาเพื่อปล่อยลำแสงพิฆาตเพื่อระเบิดศัตรูตรงหน้าให้พินาศสิ้นการโจมตีของบาฮามุทจัดอยู่ในประเภท ไร้ธาตุ (Non-Element ) และมีชื่อท่าไม้ตายว่า “Mega Flare”บาฮามุทปรากฎตัวครั้งแรกในซีรี่ไฟนอล แฟนตาซี คือภาค1ครับแต่ไม่ใช่ในฐานะของมนต์อสูรในภาคแรกนั้นบาฮามุทเป็น NPCที่ให้พลังแก่นักรบแห่งแสงทั้งสี่คนเพื่ออัพเกรดอาชีพให้แข็งแกร่งขึ้นส่วนภาคที่บาฮามุทกลายเป็นมนต์อสูรนั้นคือภาค3ครับ ถ้านับ FinalFantasyเฉพาะภาคหลักบาฮามุทไม่ได้มีร่างกายเป็นแค่มังกรดำร่างเดียวเพราะในFinal Fantasy VII เราจะเห็นบาฮามุทถึง3ร่างด้วยกัน (ย้ำว่านับเฉพาะภาคหลักนะครับ ไม่รวมพวกภาคเสริมอย่าง FFVII: AdventChildren หรือภาคเสริมอื่นๆ ) ในไฟนอลแฟนตาซี7เราจะได้เห็นบาฮามุทในอีกสองร่างนั่นก็คือ Neo-Bahamut ( Bahamut-kai ) และ Bahamut Zero ( Bahamut Reishiki, Bahamut Type-0)ร่างของ Neo-Bahamutนั้นจะต่างจากร่างแรกครับโดยลำตัวจะเป็นแดง-ส้ม มีปี���4ปีกรูปแบบการโจมตีก็จะเปลี่ยนจาก Mega Flare เป็น Giga Flare ครับส่วนอีกร่างหนึ่งก็คือ Bahamut Zeroร่างนี้ลำตัวของบาฮามุทจะเป็นสีเงิน มี6ปีกบินมาจากขอบอวกาศครับก่อนที่จะปล่อยลำแสง Tera Flare ใส่เป้าหมาย

( จากซ้ายไปขวา ) Bahamut, Neo-Bahamut, Bahamut Zeroทั้งหมดจาก FFVII

คลิ้บการโจมตีของ บาฮามุท ทั้ง3ร่างจาก FinalFantasy VII

    เรามาดูบาฮามุทในตำนานจริงๆกันบ้างครับ Bahamut หรือ Bahamootในตำนานอาหรับนั้นไม่ใช่มังกรอย่างเราเห็นในไฟนอล แฟนตาซีครับแต่เป็นปลาขนาดมหึมาที่แบกโลกเอาไว้แต่ก็มีตำนานของบางชนเผ่าเล่าว่าบาฮามุทเป็นปลาแต่หัวเป็นช้างไม่ก็ฮิปโปครับ !! ( ฟังดูแล้วเสียภาพลักษณ์ไปเลย )ในตำนานเล่าว่าบาฮามุทเป็นปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำที่ดำมืดคอยแบกโลกเอาไว้ครับ

    แต่จะบอกว่าตัวบาฮามุทเองแบกโลกไว้บนหลังเลยก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะบนหลังของมันมีวัวอยู่หนึ่งตัวเป็นวัวที่มีภูเขาทับทิมขนาดใหญ่อยู่บนหลัง มีดวงตา4,000ดวงหู4,000ใบและมีขา4,000ข้าง วัวตัวนี้คือ Kujata ( คุจาตะ)เป็นวัวขนาดยักษ์ที่ตำนานเล่าว่าหากเราเดินทางจากตาดวงหนึ่งไปยังอีกด้วงหนึ่งนั้นต้องใช้เวลาถึง500ปีเลยทีเดียว ( ใหญ่มั้ยล่ะ!! ) บนยอดภูเขาจะมีนางฟ้าคอยโอบอุ้มโลกทั้ง7ชั้นเอาไว้โดยชั้นที่7 ( นับจากล่างขึ้นบน ) คือโลกมนุษย์ของเราและต่อจากโลกมนุษย์ก็คือสวรรค์อีก7ชั้น ดังนั้นเมื่อลองนึกภาพของคุจาตะที่คอยเดินไปมาบนหลังบาฮามุทแล้วคงไม่ต้องบอกว่าบาฮามุทนั้นตัวใหญ่ขนาดไหนและมนุษย์อย่างเราคงตัวเล็กในระดับอณูของเซลล์เลยทีเดียวครับ

    นอกจากตำนานอาหรับแล้วทางฝั่งซีกโลกเอเชียของเราเองก็มีตำนานปลาแบกโลกเหมือนกันครับนั่นคือปลาอานนท์แบกโลกนั่นเองในตำนานกล่าวถึงพญาปลาที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำสีทันดรทั้ง7ตัวแต่ละตัวยาว 4,000,000วา อ่านไม่ผิดหรอกครับ 4ล้านวาถ้านับเป็นเมตร 1วา เท่ากับ 2เมตร ก็เท่ากับปลาอานนท์ยาวแค่8ล้านเมตร แค่นั้นเองครับ!!

( ซ้าย ) ภาพวัวคุจาตะจาก Final Fantasy VII

( ขวา ) ภาพวาดปลาอานนท์ว่ายอยู่ในแม่น้ำสีทันดร

 

นอกจากขาประจำอย่างสี่ตนที่เอ่ยมาข้างต้นแล้วยังมีสัตว์อสูรที่มีเอกลักษณ์เด่นๆไม่แพ้กันอย่างอสูรแห่งแสงมาดีน ( Madeen, Madin, Maduin)

 

    ในซีรี่ไฟนอลแฟนตาซีมนต์อสูรตัวที่ผมได้ยินชื่อแล้วรู้สึกชอบก็คือสัตว์อสูรตัวนี้ครับมาดีน เรามาดูรูปลักษณ์และการโจมตีของเค้ากันก่อนครับ

มาดีนในซีรี่ไฟนอลแฟนตาซีนั้นมีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์เพศชาย หรือเพศหญิง ( ในบางภาค ) ผมสีฟ้าหรือสีเขียวอ่อน นัยตาสีม่วงรวมไปถึงเป็นอสูรที่มีรูปลักษณ์เหมือนสัตว์ป่าครับ (โดยส่วนมากจะใช้สิงโตเป็นต้นแบบ ) การโจมตีจะใช้ท่าไม้ตายคุณสมบัติไร้ธาตุ ชื่อว่าChaos Wave ( ภาค6 ) และธาตุแสง ชื่อว่า Terra Homing ( ภาค9 )

    ประวัติของมาดีนนั้นจะขอยกมาในบทบาทที่เด่นชัดนะครับมาดีนปรากฎตัวครั้งแรกใน Final Fantasy 6 ครับเค้าเป็นอสูรมายา หรือ เอสเปอร์ ( Esper )ชั้นสูงที่อยู่ในหุบเขาอสูรมายาอยู่มาวันหนึ่งระห���่างที่มาดีนออกไปลาดตระเวนตรวจตราตรงชายแดนของหุบเขาอสูรมายาเขาได้บังเอิญพบกับหญิงสาวชาวมนุษย์ที่พลัดหลงเข้ามาในอาณาเขตของเหล่าอสูรมายาด้วยความเหนื่อยอ่อนเธอจึงสลบไปและพ่ออสูรมายาสุดหล่อของเราก็ได้อุ้มหญิงสาวคนนั้นกลับมารักษา ณบ้านของผู้เฒ่าสูงสุดของเหล่าอสูรมายาจนเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาจึงได้ทราบนามของหญิงสาวคนนั้นว่าMadelineและหญิงสาวก็ได้มอบจี้สร้อยคอให้กับมาดีนเพื่อเป็นการขอบคุณการกระทำดังกล่าวสร้างความประหลาดใจกับมาดีนเป็นอย่างมากเพราะตัวเค้าถูกสอนมาตลอดว่าสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนอีกฝากนั้นล้วนแต่เห็นแก่ตัวและละโมบไม่สิ้นสุดแต่มาดีนก็ยังคงแน่วแน่ใจจุดยืนว่ามนุษย์กับอสูรมายาไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้เค้าได้บอกให้ Madeline กลับไปยังโลกมนุษย์ในวันรุ่งขึ้น

ภาพ sprite ตัวละครมาดีนที่ใช้ในเกม Final Fantasy 6 เวอร์ชั่นiOS

ท่าไม้ตาย Chaos Wave ของ Madeen Final Fantasy 6

     พอรุ่งสางระหว่างที่ Madelineกำลังเดินทางเพื่อกลับไปยังโลกมนุษย์มาดีนได้วิ่งตามเธอยังประตูผนึก (Seal gate ) บริเวณชายแดนของหุบเขาอสูรมายา มาดีนบอกกับMadelineว่าเธอจะอยู่ที่นี่ก็ได้ถ้าเธออยากจะอยู่ (พี่มาดีนเล่นตัวทั้งคืนไม่ยอมคุยกับสาวเจ้า ) แต่ Madelineก็ถามมาดีนเกี่ยวกับความคิดที่ว่า มนุษย์กับอสูรมายาไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะอาศัยอยู่ ณที่แห่งนี้อสูรมายาหนุ่มก็ตอบกลับไปหล่อๆว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้หรอกแต่ว่าเขาจะลองพยายามดูถึงมันจะเหนื่อยแสนสาหัส หลังจากอยู่กินด้วยกันได้ไม่นาน Madelineก็ให้กำเนิดทารกเพศหญิงนามว่า ทีน่า ( Tina หรือ Terraเป็นชื่อที่ฝั่งอเมริกาครับ เธอเป็นตัวละครหลักของ Final Fantasy 6นั่นเอง )

( ซ้าย ) ภาพฉากสุดโรแมนติคของ Madeen กับ Madeline จาก FF6เวอร์ชั่น iOS

( ขวา ) Tina ลูกสาวของ Madeen กับ Madeline ตัวละครหลักของFF6

 

     นอกจาก ไฟนอล แฟนตาซี ภาค6 แล้วยังมีอีกภาคที่มาดีนถูกออกแบบมาเป็นมนต์อสูรสุดเท่นั่นคือ FinalFantasy 9 รับและเดิมทีมนต์อสูรตนนี้ก็ไม่ได้มีร่างเป็นสิงโตยืนสองขาตัวใหญ่ยักษ์ด้วยครับ

มาดีน จาก Final Fantasy 9

     มาดีนในไฟนอล แฟนตาซี 9นั้นเป็นร่าง Trance ของ Moogle ที่ชื่อว่าMog ครับ!! (ตกใจล่ะสิ ) ผมยังจำความรู้สึกตกใจตอนที่เล่น Final Fantasy9 แล้วถึงตอนที่ Mog ระเบิดพลัง Trance กลายร่างเป็น Madeenได้เลยครับ เนื้อเรื่องตอนนั้นเป็นช่วงที่ Eiko ถูกสองตัวตลกจอมป่วนZorn กับ Thorn จับตัวไปเพื่อปลุกพลังของนักอัญเชิญออกมาแต่ด้วยความที่เธอยังเป็นเด็กหากถูกดึงพลังอันมหาศาลออกมาจะทำให้เธอตายอย่างแน่นอนMog ที่ย่อส่วนตัวเองให้มีขนาดจิ๋วอาศัยอยู่ในกระเป๋าของ Eikoนั้นทราบเรื่องนี้เลยไม่อาจอยู่เฉยได้กระโดดออกมาจากกระเป๋าและกลางร่างเป็น มาดีนเพื่อปกป้องเพื่อนตัวน้อยของเขา ระหว่างการต่อสู้มาดีนได้บอกให้ Eikoใช้พลังชีวิตของตัวเธอยิงท่าไม้ตาย TerraHoming ใส่ Zorn กับ Thornทั้งคู่สามารถชนะการต่อสู้มาได้แต่ก็ต้องแลกด้วยชีวิตของเพื่อนตัวน้อยอย่างMog ทำให้ Eiko เสียใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่ร่างของ Mogจะสลายไปเธอได้บอกกับ Eiko ว่าไม่ต้องกังวลเธอจะคอยอยู่ข้างกาย Eikoเสมอ

*มาดีนใน Final Fantasy 9ถูกเรียกด้วยสรรพนามในบทความต่าง���ว่า “her”, “she”ดังนั้นจึงสันนิษฐานได้ว่า มาดีนในภาคนี้นั้นเป็น เพศหญิงถึงแม้ร่างกายจะไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นหญิงเลยแม้แต่น้อย

( ซ้าย ) ภาพร่าง Madeen ที่ใช้ใน FinalFantasy 9

( กลาง ) Mog กระโดดออกมาช่วย Eiko ก่อนที่จะใช้สกิล Tranceแปลงร่างเป็นมาดีน

( ขวา ) ท่าไม้ตาย Terra Homing

คลิ้บท่าไม้ตาย Terra Homing ของมาดีนจาก FinalFantasy 9

คลิ้บฉากช่วงที่ Mog ใช้สกิล Trance

ขอปิดท้ายกับมนต์อสูรตัวนี้ครับจริงๆแล้วมนต์อสูรตัวนี้ไม่ใช่มนต์อสูรขาประจำที่ปรากฎตัวให้เห็นในซีรี่ครับแต่ที่ผมหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเพราะมนต์อสูรตัวนี้มีที่มาจากความรักความผูกพันธุ์ที่มีให้พวกพ้องครับมนต์อสูรที่เฮียกำลังพูดถึงนั้นคือ

มังกรน้ำ Syldra ( ซีลดร้า) นั่นเองครับ

    หลายคนอาจจะคุ้นหรือรู้จักมนต์อสูรตัวนี้ดีครับมันคือมังกรเพศเมีย มีคอยาวสีผิวเป็นสีฟ้า-ม่วง หรือ เทาเท้าทั้งสี่เป็นครีบ มีหางยาว และเป็นมังกรที่คอยลากเรือโจรสลัดของFaris หนึ่งในตัวละครหลักของภาค5ครับ ซีลดร้า มีท่าไม้ตายประจำตัวคือThunderstormหรือการพ่นสายฟ้าเพื่อโจมตีเป้าหมายนั้นเอง ( ในเกมไฟนอล แฟนตาซี 5จัดสายฟ้าอยู่ใน ธาตุลม ครับ )

    ประวัติของซีลดร้านั้นมีบันทึกไว้เพียงแค่ว่าหลายปีก่อนหน้าปัจจุบัน( เวลา ณ วันที่เริ่มเกม ) Farisที่ออกเดินทางพจญภัยคนเดียวกำลังลอยคอรอความตายอยู่ในทะเลก็ได้ถูกมังกรน้ำซีลดร้าตัวนี้และเหล่าโจรสลัดช่วยชีวิตเอาไว้และFaris กับ ซีลดร้าได้กลายมาเป็นเพื่อนกันหลังจากนั้นในตัวเกมมังกรน้ำตัวนี้จะเป็นคนลากเรือโจรสลัดที่เราใช้ในช่วงแรกของเกมเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ประหลาดทำให้โลกไฟนอลแฟนตาซี 5 ไม่มีลมพัด หลังจากผ่านเหตุการณ์ ณวิหารแห่งคริสตัลลมขณะที่กลุ่มตัวเอกกำลังเดินเรือผ่านคลองโทรน่า ( Torna Canal )เรือโจรสลัดถูกโจมตีจากมอนสเตอร์กุ้งขนาดยักษ์ที่ชื่อว่าKarlabos หลังจากการต่อสู้ซีลดร้าถูก Karlabosดึงลงไปยังน้ำวน ถือว่าโชคดีที่ซีลดร้าสลัดเรือโจรสลัดของ Farisให้ออกไปพ้นกระแสน้ำวนได้ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ Farisเสียใจเป็นอย่างมากเพราะคิดว่าเพื่อนที่แสนดีของเธอตายไปแล้ว

หลังจากนั้นเราจะเจอซีลดร้าอีกครั้งในช่วงที่คริสตัลแห่งน้ำบนหอยคอยWalse Towerแตกสลายทำให้หอคอยและพื้นดินบริเวณรอบข้างจมลงสู่ก้นทะเลทำให้พวกตัวเอกติดอยู่ในหอคอยหนีออกมาไม่ทันและซีลดร้าที่รอดชีวิตจากคลองโทรน่าก็ได้มาช่วยชีวิตพวกเราไว้การปรากฎตัวครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของมังกรน้ำซีลดร้าเนื่องด้วยผลจากการต่อสู้กับ Karlabosทำให้ซีลดร้าตายเพราะใช้พลังชีวิตเฮือกสุดท้ายไปในการช่วยเหลือพวกFaris หลังจากซีลดร้าตายลงวิญญาณของเธอก็กลับไปอาศัยอยู่ ณถ้ำโจรสลัดและเราสามารถนำมังกรน้ำมาใช้เป็นมนต์อสูรได้ในช่วงท้ายเกมครับ

( ซ้าย ) ซีลดร้าช่วยชีวิต Faris และเพื่อนจากการถล่มของ WalseTower

( ขวา ) เ���ตุการณ์ที่กลุ่มตัวเอกพบกับวิญญาณของซีลดร้าก่อนที่จะได้เธอมาเป็นมนต์อสูร

คลิ้บเหตุการณ์ตอนพบวิญญาณซีลดร้า

ท่าไม้ตาย Thunderstorm

 

    เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับบทความนี้หวังว่าเพื่อนๆหรือผู้อ่านทุกท่านจะสนุกและตื่นเต้นไปกับตำนานของสัตว์อสูรต่างๆและโอกาสหน้าพบกันใหม่ครับกับบทความต่อไปเพื่อนสามารถติดตามอ่านบทความของเฮียได้ที่

www.playulti.com

www.facebook.com/FFXIV.co.th

วันนี้ขอตัวลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ

 

กำลังโหลด...